วิธีที่ผมจะบอกคุณนั่นคือ การคาดิโอ นั่นเอง หลายคนอาจไม่เคยได้ยิน แต่อีกหลายคนก็อาจคุ้นๆหูอยู่บ้างแต่ไม่รู้ระบบมันคือไร เห็นแต่เขาพูดกันว่าทำคาดิโอ การทำคาดิโอ คือ การออกกำลังกาย ซึ่งไม่ใช่การยกน้ำหนัก หรือ แต่การทำแบบคาดิโอเป็นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มอัตราการเต้นหัวใจให้ต่อเนื่อง และดึงออกซิเจนเข้าไปช่วยในการเผาผลาญ กิจกรรมที่ว่านั่นคือ การเต้นแอโรบิค วิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน และทำกับเครื่อง cross trainner (Elliptical) คาดิโอ จะช่วยปัดเป่าไขมันสะสมส่วนเกินทั้งหลายออกไป ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน ช่วยพัฒนาสุขภาพความแข็งแรงของร่างกาย และยังช่วยให้เรามีรูปร่างที่ดูดี การทำคาดิโอ ไม่ทำให้เจ็บปวด ถึงแม้คุณบางคนอาจจะชอบการเล่นลูกเหล็ก ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องบรรจุ การทำคาดิโอ ไว้ในโปรแกรมด้วย
1 ช่วยลดความดันเลือด
2 ลดคลอเลสเตอรอล
3 ลดไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะส่วนที่สลายยากๆ เช่นเอว, ต้นขา ฯลฯ
4เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจและปอด
5 ช่วยให้คลายเครียด และลดอาการซึมเศร้า
นอกจาก การวิ่งเหยาะๆ ที่ส่วนมากเราเห็นเขาวิ่งกันในสวนสาธารณะ แล้ว การทำคาดิโอ ยังมีอีกวิธีอื่นๆง่ายๆ ที่สะดวก ดังเช่นเครื่องที่ผม เอามาลงให้ดู ตามฟิตเนส หรือตามยิมต่างๆจะมีไว้ให้บริการลูกค้า ซึ่งจะเป็นผลได้ต่อคนที่ทำคาดิโอ เนื่องจากสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ได้อีกด้วย
เราสามารถหาค่าวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ได้ด้วยวิธีง่ายๆดังนี้ ตั้งด้วย 220-อายุ=?
เช่นเราอายุ 26 เอา 220-26=194
เอาเลข 194X0.7=135 นั่นคือค่าการเต้นของหัวใจขั้นต่ำ
เอาเลข194X0.9=174 นั่นคือค่าการเต้นของหัวใจสูงสุด
ดังนั้น ค่าการเต้นของหัวใจ ขณะทำคาดิโอ กับเครื่องจะสามารถควบคุมได้ โดยอยู่ในระยะ เต้นระหว่าง 135-174 ครับ
คำถามที่มักถามบ่อยคือ ทำคาดิโอช่วงไหนดีและได้ผล ช่วงที่ได้ผลคือ ช่วงที่ท้องว่างครับ หลายคนอาจตื่นมาตอนเช้าและทำเลย เนื่องจากร่างกาย ไม่ได้ทานไรเลยตั้ง 8 ชั่วโมง หรือทำช่วงเล่นกล้ามเสร็จ แล้วทำคาดิโอต่อเลย เนื่องจากร่างกายใช้พลังงานหมดไปแล้วกับการเล่นกล้ามยกลูกเหล็ก แต่สำหรับผม จะเพิ่มวิธีการอีกแบบนั่นคือ ถ้าเราจะทำช่วงเย็น เราจะกินแค่ช่วงเวลา บ่าย 3เท่านั้น ร่างกายจะว่างไปเกือบ 3 ชั่วโมง พอ 6โมงเย็น เริ่มทำคาดิโอ ก็พอดีกับท้องว่างครับ